...............

'HASHIMA' ที่เขาว่าที่นี่คือ 'เมืองผี' ของญี่ปุ่น

นี่เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ 'Battle Royale' มาก่อน
...ความเป็นมาดั้งเดิม นี่คือเมืองที่ถูกสร้างขึ้นบนทะเล และมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Battleship Island
ปัจจุบันเป็นเมืองร้างอยู่กลางทะเล และได้รับการโจษจันว่าผีดุ!
อาคารร้าง แต่ละอาคาร ต่างมีบรรดาผี และวิญญาณคนตายแห่งท้องทะเล จับจองกันไปอยู่

HASHIMA...เกิดขึ้นในยุคที่ อุตสาหกรรม ถ่านหิน กำลังเฟื่อง ฟู (เหมือนครั้งหนึ่งสมัยเด็กๆ พวกเราเคยรู้จากวิชาสร้างเสริม ประสปการณ์ชีวิตว่าภาคใต้ของไทย เป็นแหล่งส่งออกแร่ดีบุก ที่มีคุณภาพ เหมือนๆ กับภาพแห่งความทรงจำในมหาวิทยาลัยเหมืองแร่

โดยการดำเนินการสร้างของ บริษัทมิตซูบิชิ ...ซึ่งใช้เป็นที่พักในลักษณะ เมืองขนาดเล็ก มีสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับพนักงานจำนวนมาก ในอุตสาหกรรม ถ่านหิน (ไม่รู้ว่าไปขุดกันที่ไหน และทำไมมาตั้งอยู่บนทะเล และผมก็งงว่า ทำไมหลายๆ ภาพมันเหมือนมีภูเขาอยู่ด้วย)


...เมืองแห่งนี้มีชีวิตเริ่มต้นในปี ค.ศ 1887 (ก่อสร้าง) และเริ่มใช้งานได้ในปี 1890


...ทว่าในยุค 60 อุตสาหกรรมถ่านหินในญี่ปุ่น ค่อยๆ ทยอยปิดตัวลง เนื่องจากถ่านหินลดความนิยม จากการใช้พลังงานเชื้อเพลิงอย่างอื่น
...คล้ายกับ การทยอยปิดตัวของเมืองแร่ในภาคใต้ ซึ่งเราจะเห็นได้จาก สายฝน และความเศร้า กับชีวิตลูกผู้ชายที่เหน็บหนาวไปถึงหัวใจในหนังเรื่อง เหมืองแร่

...คล้ายกับ การทยอยปิดตัวของเมืองแร่ในภาคใต้ ซึ่งเราจะเห็นได้จาก สายฝน และความเศร้า กับชีวิตลูกผู้ชายที่เหน็บหนาวไปถึงหัวใจในหนังเรื่อง เหมืองแร่

...จนกระทั่งปิดตัวลงอย่างถาวรในปี 1974


...ทุกวันนี้เหลือเพียงแต่เศษซากของความรุ่งเรืองทิ้งไว้ ให้ระลึกถึง อดีต (อย่างหลอนๆ) ถ้าใครได้ไปในสถานที่นี้ในเวลาปัจจุบัน คงจะหลอนน่า ดู เหมือนครั้งหนึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว ต้องทำบทความเกี่ยวกับความทรงจำ เกี่ยวกับสถานที่เก่าๆ ในเชียงใหม่ที่คนเชียงใหม่หลงลืม ก็นึกขึ้นได้ ถึง 'พรพรหม พาราไดซ์' ในอดีตที่นี่เคยเป็น 'สวนน้ำขนาดใหญ่ของ เชียงใหม่' ใหญ่ประมาณเกือบๆ ครึ่งของสวนสยาม แต่ปิดตัวลงไปหลายปี
พอได้กลับไปอีกครั้งก็พบกับ บรรยากาศน่าหดหู่ และวังเวง มากๆ เหมือนกับสวนสนุกร้างในหนัง THE PARK ...สไลด์เดอร์ยักษ์ที่เคยโดด เด่น ดูน่ากลัวและทรุดโทรม มีไม้เถาเกาะเกี่ยวจนน่ากลัว
...สระน้ำสำหรับเด็กๆ หรือผู้ใหญ่หลายๆ สระ ยังคงมีน้ำอยู่แต่ เขียวคร่ำด้วยตะไคร่น้ำ เหมือนมีบางสิ่งรอเราอยู่ข้างใต้นั้น ...ทุกสิ่ง ทุกอย่างทรุดโทรม ฟักบัวกลางแจ้งสำหรับล้างตัวก็ยังคงอยู่ เก้าอี้พลาสติกสี ขาวขุ่นสำหรับนั่งริมชายหาดก็ยังคงอยู่อย่างพังๆ
....คงจะคล้ายกับ HASHIMA ในเวลานี้

พอได้กลับไปอีกครั้งก็พบกับ บรรยากาศน่าหดหู่ และวังเวง มากๆ เหมือนกับสวนสนุกร้างในหนัง THE PARK ...สไลด์เดอร์ยักษ์ที่เคยโดด เด่น ดูน่ากลัวและทรุดโทรม มีไม้เถาเกาะเกี่ยวจนน่ากลัว
...สระน้ำสำหรับเด็กๆ หรือผู้ใหญ่หลายๆ สระ ยังคงมีน้ำอยู่แต่ เขียวคร่ำด้วยตะไคร่น้ำ เหมือนมีบางสิ่งรอเราอยู่ข้างใต้นั้น ...ทุกสิ่ง ทุกอย่างทรุดโทรม ฟักบัวกลางแจ้งสำหรับล้างตัวก็ยังคงอยู่ เก้าอี้พลาสติกสี ขาวขุ่นสำหรับนั่งริมชายหาดก็ยังคงอยู่อย่างพังๆ
....คงจะคล้ายกับ HASHIMA ในเวลานี้

...ทุกอย่างน่าจะมีอดีต และสิ่งของเหล่านี้ก็น่าจะมีอดีตที่คนเคยหยิบใช้มัน


...คือข่าวคราวของอดีต (คนถ่ายก็เข้าใจถ่ายซะจริงๆ)


ที่นี่ในเวลากลางคืน โดยเฉพาะในช่วงมรสุมหรือพายุเข้า จะได้ยินเสียงน่ากลัว ดังค่อยๆ อย่างหวีดหวิวอยุ่ในสายลมและเสียงฝน ซึ่งต้องตั้งใจฟังให้ดี เพราะ ว่ากันว่า
'เมืองนี้กำลังร้องไห้ เพราะมันโดดเดี่ยวอยู่เป็นเวลานานแล้ว...ความ หนาวเหน็บจากสายฝน บาดลึกไปถึงหัวใจของเมือง ซึ่งโหยหาใครสักคนไปอยู่ ด้วย!'

'เมืองนี้กำลังร้องไห้ เพราะมันโดดเดี่ยวอยู่เป็นเวลานานแล้ว...ความ หนาวเหน็บจากสายฝน บาดลึกไปถึงหัวใจของเมือง ซึ่งโหยหาใครสักคนไปอยู่ ด้วย!'

...และสักวัน คงจะมีใครสักคนนำเรื่องราวของเมืองๆ นี้ไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ขึ้นมา...
No comments:
Post a Comment