Sunday, August 3, 2008

"Inside North Korea": บรรยากาศน่าสนใจภายในเกาหลีเหนือ

"Inside North Korea": บรรยากาศน่าสนใจภายในเกาหลีเหนือ

ผมไปพบกับบทความซึ่งชาวรัสเซียชื่อ Artemii Lebedev ซึ่งเป็นนักออกแบบเว็บไซต์ชาวรัสเซียได้ไปเที่ยวในเกาหลีเหนือ และมีผู้นำมาแปล (ชื่อว่า koutch) ลงในเว็บบอร์ดด้านการทหารในต่างประเทศ เห็นว่าน่าสนใจดี และเคยนำมาลงใน blog ของผมแล้ว แต่ไฟล์รูปทั้งหมดได้หายไป ตอนนี้ผมพบไฟล์รูปนั้นแล้ว เลยคิดว่าน่าจะลองเอารูปประเทศเกาหลีเหนือจริง ๆ มาลงที่นี่สักหน่อย เพราะหลาย ๆ สิ่งในทริปนี้น่าสนใจมากครับ

เมื่อคุณมาถึงสนามบิน คุณต้องเก็บโทรศัพท์มือถือของคุณ เพราะมันไม่มีบริการ roaming ที่นี่ แต่ถ้าเรากดเลือกผู้ให้บริการเองแล้วคุณจะพบ PRK 03 ถึงแม้ว่าจะไม่เคยเห็นใครในเกาหลีเหนือใช้โทรศัพท์มือถือเลยก็ตาม สำหรับLaptop นั้นได้รับอนุญาตให้เอาเข้าประเทศได้ ดูเหมือนว่าเกาหลีเหนือจะไม่ได้ระวังว่า Laptop นั้นจะใช้เป็นโทรศัพท์ได้

นี่เป็นบ้านหลังเดียวที่นักท่องเที่ยวได้รับอนุญาติให้ เข้าชมได้ มันเป็นเหมือนบ้านในอุดมคติของชาวนาในอุดมคติซึ่งมีแม้แต่ส่วนประกอบของ คอมพิวเตอร์ที่ไม่เคยต่อเข้าด้วยกัน อินเตอร์เน็ตนั้นไม่มีให้บริการ มีแต่อินทราเน็ตเท่านั้น

เมื่อคุณมาถึงคุณจะถูกจัดให้ไปกับไกด์และคนขับรถ พวกเขาจะตามคุณไปทุกที่ ซึ่งคุณไม่สามารถออกจากโรงแรมได้ถ้าไม่ได้มีพวกเขาตามไปด้วย ในโปรแกรมการเที่ยวแต่ละวันรวมถึงการเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ 2 - 3 แห่ง ในโรงแรมนั้นคุณสามารถชม BBC NTV (ทีวีรัสเซีย) และช่องของจีน 2 - 3 ช่อง ดังนั้นคุณคงบ่นไม่ได้เรื่องเสรีภาพในการพูด อาหารก็อยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งคุณก็บ่นไม่ได้เช่นกัน เมื่ออยู่ในสวนสาธารณะผมเห็นหญิงชราคนหนึ่งก้มเก็บพืชอยู่ ไกด์บอกว่านั่นเป็นอาหารสำหรับกระต่าย แต่มันก็แน่ชัดอยู่แล้วว่าพืชแบบนั้นเป็นสิ่งที่ "เจ้าของกระต่าย" สามารถกินได้

มีร้านเล็ก ๆ ซึ่งขายสินค้าจากต่างประเทศให้นักท่องเที่ยว ซึ่งดูเหมือนมันจะถูกผลิตมาตั้งแต่ปี 2001 คุณต้องจ่ายเงินให้เคาเตอร์หนึ่ง และจะได้รับบัตรรับสินค้ามาเพื่อไปรับในอีกเคาเตอร์หนึ่ง

สำหรับร้านที่ขายของให้ชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะขายแต่น้ำมะนาว โดยนักท่องเที่ยวจะได้รับถ้วยพลาสติก ส่วนชาวเกาหลีเหนือจะได้รับถ้วยกระเบื้องซึ่งจะนำไปล้างและนำกลับมาใช้ใหม่

บางครั้งคุณก็เห็นชาวบ้านขายผักบางชนิด ซึ่งภาพนี้ถูกถ่ายข้าง ๆ ร้านขายผลไม้และผัก ซึ่งปิดทันทีเมื่อเห็นนักท่องเที่ยว

ชาวเกาหลีเหนือมักจะตื่นเต้นเมื่อเห็นคนผิวขาว (เพราะผู้เขียนเป็นชาวรัสเซีย: Skyman)

รูปปั้นที่ทำจากปูนปลาสเตอร์นั้นดูสะอาดและไม่มีรอยแตก ร้าว ซึ่งชาวเกาหลีเหนือนั้นเก่งทีเดียวในการทำของในปี 1950 ให้ใหม่อีกครั้ง

ชาวเกาหลีเหนือคงไม่ทราบถึงวิธีการทำกระจกโดยไม่มีฟอง อากาศอยู่ข้างใน ซึ่งกระจกคุณภาพดีจะอยู่ในโรงแรมเท่านั้น

น้ำมันแทบจะหาไม่ได้ เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้มือกัน

น้ำนั้นดูเหมือนจะหายากเมื่อคุณออกจากเมือง

ซึ่งในภาพนั้นชาวบ้านกำลังซักผ้าในแม่น้ำอยู่ (เห็นวัวกับคนแล้วก็น่าสงสาร: Skyman)

ชีวิตในหมู่บ้าน

ในเมืองนั้นเกาหลีเหนือจะสร้างอาคารสูงคอยบังอาคารเตี้ย ๆ เสมอ ซึ่งถ้ามันเป็นไปไม่ได้ (ที่จะบัง: Skyman) ชาวเกาหลีเหนือก็สร้างกำแพงคอนกรีตบังเอาไว้ ซึ่งคุณจะเห็นได้แค่หลังคา
เมื่อคุณพยายามจะถ่ายภาพซึ่งแตกต่างจาก นิตยสาร "Korea" ไกด์จะถามว่า "คุณจะถ่ายรูปไปทำไม ห้ามถ่ายภาพที่นี่"

เมื่อความต้องการขั้นพื้นฐานเรียกร้อง ชาวเกาหลีเหนือจะไม่อาย ไกด์ห้ามถ่ายภาพชายยืนปัสสาวะกลางถนน (on the middle of the road) แต่มันก็ไม่มีปัญหาถ้ามันเกิดขึ้นใกล้ ๆ อนุเสาวรีย์ (ดูผู้ชายที่บันได)

อนุเสาวรีย์ ซึ่งไฟฟ้าจะถูกตัดในเวลา 5 ทุ่ม

ตอนกลางคืนดูน่ากลัว ไม่มีแสงตามถนน และชาวบ้านใช้แต่แสงสีขาวและไม่ปิดม่าน

ในระหว่างที่ผมขึ้นนั้นลิฟต์เสียเป็นเวลา 15 นาที

วิวจากอนุเสาวรีย์ ข้าง ๆ วิวอันสวยงามคุณจะเห็นซากนกตาย

ความเป็นจริงของเกาหลีเหนือ นักท่องเที่ยวจะไม่ได้เห็นภาพนี้ทั่ว ๆ ไป

นี่คือทั้งหมดของเปียงยาง เมื่อผมถามไกด์ถึงบ้านเก่า ๆ นั้น ไกด์ตอบว่าคนที่อยู่ในบ้านเก่า ๆ พวกนั้นไม่ยอมย้ายออกไป และขออยู่ที่เดิม

ในสถานที่บรรจุศพผู้นำ คุณต้องเอาเสื้อเข้าในกางเกงและทำท่าขึงขัง และวางทุกอย่างยกเว้นแว่นตาดำไว้ที่ทางเข้า คุณต้องเดินผ่านเครื่อง X-ray (ซึ่งไม่มีใครบอกคุณ) และมีเหตุผลบางอย่างที่สถานที่นี่ติด Wi Fi Router อนุเสาวรีย์ภายในนั้นเป็นสีขาว มีไฟสีน้ำเงินส่องด้านบน ด้านล่างมีไฟสีแดง ซึ่งการเข้าชมครั้งนี้ถือเป็น "การเยี่ยม" เพราะท่านผู้นำนั้น "ยังมีชีวิตอยู่" (ในแง่ของการมีชีวิตอยู่ในจิตใจ: Skyman)

ข้าง ๆ อนุเสาวรีย์ซึ่งใส่เสื่อที่เขียนว่า "คลั่งไคล้สหภาพโซเวียต" (Hysteria of the USSR) นั้นก็คือไกด์ซึ่งรู้ภาษารัสเซียไม่มากนัก เมื่อคุณถามอะไรยาก ๆ นั้นเค้าก็ไม่สามารถตอบได้

-----------------------------

คนไทยก็คงเที่ยวได้ล่ะครับถ้าอยากจะไปจริง ๆ ซึ่งสายการบินเกาหลีเหนือมีไฟลล์มากรุงเทพ "เดือนละ 1 ครั้ง" เอาเป็นว่าไปเดือนนี้กลับเดือนหน้าถ้าตั้งต้นจากกทม. แต่ที่ง่ายกว่าคือเข้าจากทางจีนน่ะครับผมว่า

ประมาณ 10% ของชาวเกาหลีเหนือเป็นทหาร มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเดินไปโดยไปพบทหาร

พวกทหารทำงานทุกอย่าง ดูแลสัตว์ต่าง แบกฟืน หรือขับรถที่ขนคน 40 คน

มันเป็นความสนุกสนานอย่างหนึ่งที่เกาหลีทั้งสองจะมอบให้ คุณ นั้นคือการพาไปเยี่ยมชายแดน มีเรื่องแปลกบางเรื่องคือ ถนนในระบบทุนนิยมนั้นมีสภาพดี แต่ในระบบคอมมิวนิสต์นี่สภาพแย่มาก (พื้นที่ที่เป็นทหารคือที่ของเกาหลีเหนือ)

ฝั่งของเกาหลีเหนือ

ตรงนี้คาดว่าจะเป็นหมู่บ้า ปัน มุน จอม ล่ะครับ หมู่บ้านนี้มีเส้นแบ่งระหว่างเกาหลีเหนือและใต้พาดผ่าน ถือเป็นพื้นที่ที่มีการเผชิญหน้ากันมากที่สุดในโลก ทหารแต่ละฝ่ายจะยืนคุมเข้มในฝั่งของตน ทหารเกาหลีใต้จะยืนหลบมุมให้ตัวออกมาแค่ครึ่งเดียวเพื่อลดการเป็นเป้าหมาย พร้อมกับยืนในท่าเตรียมพร้อมของศิลปะป้องกันตัว ส่วนทหารเกาหลีเหนือจะยืนหันหน้าเข้าหากันอย่างนี้ นัยว่าเพื่อจับตาซึ่งกันและกันไม่ให้คนหนึ่งกระโดดหนีไปแดนเกาหลีใต้

ถนนนั้นเตรียมไว้แล้วสำหรับรับมือการบุก บล็อกสี่เหลี่ยมคอนกรีตนั้นจะถูกดันลงมาเพื่อสกัดกั้นรถถัง

พวกเขาสร้างมันไว้บนถนนทุกเส้นในรัศมี 50 กม.จากชายแดน ส่วนมากถูกประดับตกแต่งไว้ด้วย

พวกเขายังสร้างไว้ในภูเขาอีกด้วย

ชายหาดในเกาหลีเหนือนั้นถูกล้อมด้วยรั้วไฟฟ้าซึ่งป้องกัน ชาวเกาหลีเหนือว่ายน้ำหนี แน่นอน คุณถูกห้ามถ่ายภาพ

ชาวเกาหลีเหนือมักภูมิใจที่จะอวดสิ่งของที่ยึดได้มาก ศัตรู อย่างเช่นเรืออเมริกันที่ชื่อ Pueblo

USS Pueblo (AGER-2) คือเรือในชั้น Banner ซึ่งเป็นเรือสำรวจและวิจัย ถูกเกาหลีเหนือจับไปในวันที่ 23 มกราคม 1968 มีผู้เสียชีวิต 1 คน ลูกเรือทั้ง 82 คนถูกจับไป 11 เดือนก่อนได้รับการปล่อยตัวครับ
เรือลำนี้ถูกตั้งแสดงในเกาหลี เหนือตั้งแต่นั้นมา

ซากของเครื่องบินอเมริกันในพิพิธภัณท์

ชาวเกาหลีเหนือนั้นป้องกันตัวเองเสมอ นอกจากศัตรูภายนอกแล้ว เพื่อนบ้านด้วยกันเองก็ป้องกันตัวเอง (every neiborhood is defended) โดยบังเอิญ ผมถ่ายตึกนี้ที่มีแอร์ติดอยู่ทุกห้อง แน่นอนผมถูกห้ามไม่ให้ถ่าย แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่บ้านธรรมดา นักวิทยาศาสตร์อาจจะอยู่ที่นี่ก็ได้

นี่คือโฆษณาเพียงชิ้นเดียวที่นี่ ซึ่งก็คือโฆษณารถซึ่งร่วมกันสร้างกับเกาหลีใต้ คุณจะเห็นแต่ในเมืองหลวงเท่านั้น

ในภาพวาดนั้นแสดงถึงฮีโร่ ซึ่งก็คือคนงาน

กับคิม อิล ซุง ซึ่งเรียกร้องความรักชาติจากประชาชน ด้วยเหตผลบางอย่าง สหายคิมนั้นดูหนุ่ม

ทองแดงมักจะถูกใช้ในรูปปั้น ในภาพนี้คุณจะเห็นคนงาน ชาวนา และผู้เชี่ยวชาญ (กรุณาสังเกตขนาดของคนข้างล่างเทียบกับรูปปั้น: Skyman )

1 ในสองอนุเสาวรีย์ข้าง ๆ อนุเสาวรีย์ของคิม อิล ซุง

ในทุกที่คุณจะเห็นข้อความที่กล่าวถึงท่านผู้นำบนเสา

รูปนี้ดูตลกดี

รูปปั้นถังขยะในสวนสาธารณะ

ประชากรทุกคนจะมีเข็มของคิม อิล ซุง ยกเว้นเด็กทารก คนรับใช้ (เข็มอาจจะถูกทับโดยเสื้อผ้า) และตัวคิม อิล ซุงเอง คุณไม่สามารถซื้อเข็มนี้ได้

คุณจะเห็นได้ในประตูในภาพ X หมายความว่าห้ามเข้า แล้ววงกลมที่ดูเหมือนเปายิงปืนคือเข้าที่นี่

ใน model pioneer palace จะมีคอนเสิร์ทแสดงให้ชม เมื่อการแสดงจบลงจะมีภาพของคิม จอง อิลแสดงให้ดู

ทางเข้ารถไฟใต้ดิน

คุณจะพบประตูกั้นที่สูงแค่เข่า ป้ายข้างหลังอ่านว่า "คิม จอง อิล บุตรแห่งศตวรรศที่ 21"

บันไดเลื่อนมีระยะทางยาว

รถไฟมี 4 ตู้ ประตูนั้นเปิดด้วยมือ แต่ปิดอัตโนมัติ

ดูเหมือนว่าเป้าหมายของสถาปนิคเกาหลีเหนือคือจะทำให้ สถานีรถไฟน่าประทับใจเหมือนกับที่มอสโคว

เป็นเรื่องปกติที่ในเมืองจะไม่มีรถ ทุกคนเดินเท้ากันหมด บางทีการขนส่งมวลชนก็ใช้รถลากหรือแม้แต่รถบัสสองชั้น จักรยานนั้นไม่มีให้เห็นมากนักเนื่องจากราคาแพง โปรดสังเกตุทางม้าลายที่เป็นเอกลักษณ์

ในเปียงยางมีทางลอดข้ามถนนมากมายและทุกคนนั้นเคารพกฏ ถ้าคุณข้ามถนนในที่ห้ามข้ามคุณจะถูกปรับแม้ว่าถนนจะว่างขนาดนี้ก็ตาม

คนขับไม่เคยหยุดให้คนเดินถนน พวกเขาจะบีบแตรไล่ ไกด์ไม่สามารถอธิบายปฏิกิริยาที่เชื่องช่าของคนเดินถนนเมื่อได้ยินเสียงรถ ได้ ในชนบทผุ้คนจะเดินทุก ๆ ที่ที่อยากเดินเหมือนกับว่าไม่มีรถบนถนน

แต่ในอีกด้านหนึ่ง คนขับก็ไม่เคยมองกระจกหรือเหลียวหลังกลับมาดู ด้วยเหตุผลบางอย่างปั๊มน้ำมันถูกซ่อนไว้และผู้โดยสารถูกขอให้ลงก่อนเข้าไป เติมน้ำมัน

ป้ายอวยพรให้ขับปลอดภัย

ที่ป้ายรถเมลล์ คนที่จะขึ้นรถเมลล์นั้นคือคนที่ต้องเดินทางมากกว่า 30 นาที

นี่คือรถในเกาหลีเหนือ

บางทีคุณก็เห็นรถญี่ปุ่นหรือรถเยอรมัน ชาวเกาหลีเหนือรักรถเบนส์ซึ่งเป็นรถยี่ห้อโปรดของผุ้นำเกาหลีเหนือ ในอนุสรณ์สถานของคิม อิล ซุงก็มีรถของเขาจอดอยู่

หมู่บ้านที่คิม อิล ซุงเคยอยู่ตอนเด็ก

โรงแรมซึ่งถูกงดก่อสร้างในปี 1991 คุณไม่สามารถถ่ายภาพได้ถ้าอยู่ใกล้

แต่ถ้าระยะไกลไม่มีปัญหา

ชาวเกาหลีเหนือชอบเดินโดยไขว้มือไว้ข้างหลัง พวกเขาใส่เสื้อสีสด ๆ น้อยมาก เพราะสีโทนเข้มเป็นสัญลักษณ์ของการปฏิวัติ

นักท่องเที่ยวต้องไปเยี่ยมสวนสาธารณะซึ่งชาวเกาหลีเหนือ ห้ามเข้า

ส่วนคนที่ฉลาดกว่าก็จะพักผ่อนอยู่ริมแม่น้ำ

และกระทู้นี้ก็จบลงครับ

ผมดูภาพทั้งหมดแล้ว มีความคิดอยู่สองอย่างเข้ามาในหัว คือ
1. ผมสงสารชาวเกาหลีเหนือ ที่ทุกวันนี้ต้องอยู่ภายใต้ระบบการปกครองสุดโต่ง และบ้าสุดขีด สิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานรวมถึงอากาศแทบไม่พอ แต่ผู้นำของพวกเขาก็ยังบ้าสงครามต่อไป
2. ผมรู้สึกโชคดีที่เกิดมาในประเทศนี้ ถึงแม้ว่าเมืองไทยจะมีอะไรแย่ ๆ หลายอย่างในตอนนี้ แต่อย่างน้อยการอยู่ที่นี้ก็มีความสุขกว่าการอยู่ในหลาย ๆ ประเทศมากนัก

ถึงอยู่แคว้นใด ไม่สุขสำราญ เหมือนอยู่บ้านเราแน่นอนครับ และก็หวังว่าทุกคนจะช่วยกันรักษาประเทศนี้ไม่ให้เป็นแบบเกาหลีเหนือครับ

ภาคผนวก
ในช่วงปี 49 นี้เป็นปีทองของการหลบหนีออกนอกประเทศของชาวเกาหลีเหนือครับ โดยผู้หลบหนีกว่าพันคนจ่ายเงินประมาณ 1 ล้านบาทให้นายหน้า และข้ามพรมแดนที่ติดกับจีนล่องใต้ลงมา โดยติดมากับเรือสินค้า และเข้าสู่ประเทศลาว ก่อนจะมาที่ภาคเหนือของไทยเป็นลำดับสุดท้าย จากนั้นพวกเขาจะมอบตัวกับตำรวจไทย และหลังจากนั้นจะมีองค์กรที่จะมาช่วยเหลือทางกฏหมายรวมถึงจ่ายค่าปรับ และรับไปอยู่ประเทศเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเกาหลีใต้ครับ

สำหรับวันนี้ จบเพียงเท่านี้ สวัสดีครับ

Reference: http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2007/04/X5319774/X5319774.html



No comments:

Post a Comment